ไขความต่าง มูลค่าการทดแทนของใหม่ (Replacement Value) และ มูลค่าเงินสดตามสภาพที่แท้จริง (Actual Cash Value) ในประกันอัคคีภัย

• แชร์ Facebook
• แชร์ผ่าน Line

ในปัจจุบัน เรื่องของการประกันภัย โดยเฉพาะในหมวดของประกันอัคคีภัย ประกันความเสี่ยงภัยทุกชนิด (IAR) มักมีการกล่าวถึงแนวคิดสำคัญ 2 ประการ ได้แก่ Replacement Value (มูลค่าทดแทนของใหม่) และ Actual Cash Value (มูลค่าเงินสดตามสภาพจริง) ซึ่งแนวคิดทั้งสองนี้มีบทบาทสำคัญต่อการกำหนดจำนวนเงินชดใช้เมื่อเกิดความเสียหายขึ้น

1. มูลค่าการทดแทนของใหม่ หรือ Replacement Value (RCV) คืออะไร?

มูลค่าการทดแทนของใหม่ หรือ Replacement Value (RCV) หมายถึง แนวทางการชดใช้ความเสียหายที่บริษัทประกันภัยจะจ่ายให้แก่ผู้เอาประกันภัย โดยไม่หักค่าเสื่อมราคา (Depreciation) เพื่อให้สามารถซื้อหรือสร้างทรัพย์สินใหม่ที่มีคุณสมบัติเทียบเท่าทรัพย์สินเดิม ณ เวลาที่เกิดความเสียหาย กล่าวคือ ผู้เอาประกันภัยจะได้รับค่าชดใช้ในจำนวนที่เพียงพอสำหรับ ทดแทนทรัพย์สินให้กลับคืนสู่สภาพ “เหมือนของใหม่”

ข้อดีและข้อควรพิจารณาของ มูลค่าการทดแทนของใหม่ (Replacement Value)

ข้อดี

• ได้รับเงินชดใช้เต็มจำนวน เพียงพอสำหรับการซื้อทรัพย์สินใหม่
• ลดภาระทางการเงินของผู้เอาประกันภัย ในกรณีที่ต้องหาเงินเพิ่มเพื่อซื้อของใหม่
• สามารถคืนสภาพการดำเนินงานหรือทรัพย์สินกลับมาได้อย่างรวดเร็ว

ข้อควรพิจารณา

• เบี้ยประกันภัยมักสูงกว่าแบบที่ใช้มูลค่าเงินสดตามสภาพจริง (Actual Cash Value – ACV) เนื่องจากให้ความคุ้มครองในระดับที่สูงกว่า
• จำเป็นต้องตรวจสอบและปรับปรุงทุนประกันภัยให้เหมาะสมและเป็นปัจจุบันอยู่เสมอ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเอาประกันภัยต่ำกว่าความเป็นจริง (Under insurance)

2. มูลค่าเงินสดตามสภาพที่แท้จริง หรือ Actual Cash Value (ACV) คืออะไร?

มูลค่าเงินสดตามสภาพที่แท้จริง หรือ Actual Cash Value (ACV) หมายถึง แนวทางการชดใช้ความเสียหายที่บริษัทประกันภัยจะจ่ายให้แก่ผู้เอาประกันภัย โดยคำนวณจากมูลค่าของทรัพย์สินใหม่ แล้วหักด้วยค่าเสื่อมราคา (Depreciation) ณ เวลาที่เกิดความเสียหาย

กล่าวคือ บริษัทประกันภัยจะชดใช้ตาม “มูลค่าทรัพย์สินในสภาพก่อนเสียหาย” โดยพิจารณาจากอายุการใช้งาน สภาพทั่วไป และการสึกหรอของทรัพย์สิน

ข้อดีและข้อควรพิจารณาของ มูลค่าเงินสดตามสภาพที่แท้จริง (Actual Cash Value)

ข้อดี

• เบี้ยประกันภัยมักถูกกว่าประกันภัยแบบ Replacement Value
• เหมาะสำหรับทรัพย์สินที่มีมูลค่าลดลงรวดเร็ว เช่น รถยนต์เก่า หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ตกรุ่นเร็ว

ข้อควรพิจารณา

• ผู้เอาประกันภัยอาจต้องรับภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการซื้อทรัพย์สินใหม่ เนื่องจากเงินชดใช้ถูกหักค่าเสื่อมราคา
• จำนวนเงินที่ได้รับอาจไม่เพียงพอในการซ่อมหรือทดแทนทรัพย์สินให้กลับมาอยู่ในสภาพเดิมก่อนเกิดความเสียหาย

ตารางเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่าง มูลค่าการทดแทนของใหม่ (Replacement Value) และ มูลค่าเงินสดตามสภาพที่แท้จริง (Actual Cash Value)

เพื่อให้เข้าใจถึงความแตกต่างระหว่างแนวคิด มูลค่าการทดแทนของใหม่ (Replacement Value) และ มูลค่าเงินสดตามสภาพที่แท้จริง (Actual Cash Value) ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ตารางเปรียบเทียบต่อไปนี้ช่วยอธิบายรายละเอียดสำคัญไว้ดังนี้

ตัวอย่างการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนระหว่างมูลค่าการทดแทนของใหม่ (Replacement Value) และ มูลค่าเงินสดตามสภาพที่แท้จริง (Actual Cash Value)

ตัวอย่างที่ 1: หลังคาบ้านเสียหายจากภัยธรรมชาติ

บ้านที่มีหลังคาอายุ 10 ปี มูลค่าเมื่อสร้างใหม่คือ 500,000 บาท และเกิดพายุทำให้หลังคาเสียหายจนต้องเปลี่ยนใหม่ทั้งผืน

• ทำประกันภัยแบบ มูลค่าการทดแทนของใหม่ Replacement Value (RCV): บริษัทประกันภัยจะชดใช้ค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนหลังคาบ้านใหม่ทั้งหมด เช่น 500,000 บาท (สมมติว่าราคาวัสดุและค่าแรงยังคงเท่าเดิมหรือใกล้เคียง) โดยไม่มีการหักค่าเสื่อมราคาของหลังคาบ้าน 10 ปีออก คุณจึงสามารถเปลี่ยนหลังคาบ้านใหม่ได้ทันที
• ประกันภัยแบบ มูลค่าเงินสดตามสภาพที่แท้จริง Actual Cash Value (ACV): บริษัทประกันภัยจะคำนวณค่าเสื่อมราคาของหลังคาบ้าน 10 ปี สมมติว่าค่าเสื่อมราคาของหลังคาบ้านอยู่ที่ 20% (สมมติค่าเสื่อมปีละ 2% หรือคิดเป็น 100,000 บาท) บริษัทประกันภัยจะชดใช้ให้คุณเพียง 500,000 – 100,000 = 400,000 บาท ซึ่งคุณอาจต้องออกเงินเพิ่มอีก 100,000 บาท เพื่อเปลี่ยนให้หลังคาบ้านเป็นของใหม่

ตัวอย่างที่ 2: รถยนต์ถูกโจรกรรม

รถยนต์อายุ 5 ปี ซื้อมาในราคา 1,000,000 บาท แต่ปัจจุบันราคาตลาดของรถรุ่นเดียวกัน สภาพเดียวกัน อยู่ที่ 600,000 บาท

• ในกรณีรถยนต์โดยส่วนใหญ่ บริษัทประกันภัยรถยนต์มักจะคุ้มครองแบบ มูลค่าเงินสดตามสภาพที่แท้จริง Actual Cash Value (ACV) หรือมูลค่าตลาดของรถยนต์ ณ วันที่เกิดเหตุ บริษัทประกันภัยจะชดใช้ให้คุณตามมูลค่าตลาดของรถยนต์ ณ วันที่ถูกโจรกรรม เช่น 600,000 บาท ซึ่งเป็นราคาที่คุณสามารถหารถยนต์รุ่นเดียวกัน สภาพใกล้เคียงกันมาทดแทนได้

ตัวอย่างที่ 3: คอมพิวเตอร์เสียหาย

คอมพิวเตอร์ที่ซื้อมา 2 ปีแล้ว ในราคา 30,000 บาท และทำประกันความเสี่ยงภัยทรัพย์สินไว้

• หากทำประกันภัยแบบ มูลค่าการทดแทนของใหม่ Replacement Value (RCV): หากคอมพิวเตอร์เสียหายจนซ่อมไม่ได้ บริษัทประกันภัยจะจ่ายเงินให้คุณเพียงพอที่จะซื้อคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ที่มีคุณสมบัติเทียบเท่า เช่น 30,000 บาท (หากราคาไม่เปลี่ยนแปลง)
• หากทำประกันภัยแบบ มูลค่าเงินสดตามสภาพที่แท้จริง Actual Cash Value (ACV): บริษัทประกันภัยจะคำนวณค่าเสื่อมราคาของคอมพิวเตอร์ 2 ปี สมมติว่าค่าเสื่อมราคาอยู่ที่ 50% (หรือ 15,000 บาท) บริษัทประกันภัยจะชดใช้ให้คุณเพียง 15,000 บาทเท่านั้น

สรุป

การเลือกแผนประกันภัยว่าจะคุ้มครองแบบ Replacement Value หรือ Actual Cash Value ขึ้นอยู่กับประเภทของทรัพย์สิน ความต้องการในการชดใช้ค่าสินไหม และงบประมาณ

• มูลค่าการทดแทนของใหม่ (Replacement Value) ให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมมากกว่า เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความสบายใจว่าหากเกิดความเสียหาย จะได้รับเงินเพียงพอที่จะนำทรัพย์สินกลับมาอยู่ในสภาพ “เหมือนใหม่” ได้ทันที แม้จะต้องจ่ายเบี้ยประกันภัยที่สูงขึ้น
• มูลค่าเงินสดตามสภาพที่แท้จริง (Actual Cash Value) เป็นทางเลือกที่ประหยัดเบี้ยประกันภัยและต้องทราบว่าเงินชดใช้ที่ได้รับจะถูกหักค่าเสื่อมราคาไปแล้ว และอาจต้องรับภาระค่าใช้จ่ายส่วนต่างด้วยตนเอง

การทำความเข้าใจความแตกต่างเหล่านี้จะช่วยทำให้สามารถเลือกกรมธรรม์ประกันภัยที่เหมาะสมกับความต้องการและทรัพย์สินมากที่สุด เพื่อจะทำให้ได้รับความคุ้มครองอย่างเต็มที่เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้น

หากคุณมีข้อสงสัยสามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายขาย Non-Motor บจก.ศรีกรุงโบรคเกอร์ ที่ท่านแจ้งงาน เพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ หรือหากอยากได้ประกันอัคคีภัย หรือ ประกันความเสี่ยงภัยทรัพย์สิน สามารถติดต่อพวกเราได้ที่ “ศรีกรุงภาคตะวันตก” หรือติดต่อ ศรีกรุงโบรคเกอร์ ได้ทุกสาขาทั่วประเทศ เรามีผู้เชี่ยวชาญยินดีตอบคำถามและให้คำแนะนำ

แหล่งข้อมูลอ้างอิง

สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.). (2558). คำสั่งนายทะเบียน ที่ 7 / 2558 เรื่อง ให้ใช้แบบ ข้อความและอัตราเบี้ยประกันภัยของกรมธรรม์ประกันภัยอัคคีภัยสำหรับที่อยู่อาศัยและเอกสารแนบท้าย

บทความโดย คุณนรินทร เกตุแดง
Non-Motor Specialist ภาคตะวันตก
บริษัท ศรีกรุงโบรคเกอร์ จำกัด

ทุกเรื่องประกันภัย สอบถามเรา

ติดต่อโดยตรงได้ที่ สาขาศรีกรุงโบรคเกอร์ ใกล้บ้านท่าน
หรือส่งข้อความทาง Line: @srikrung
ติดต่อผ่าน Facebook: facebook.com/srikrungbroker/
โทรคุยกับ Call Center: 02 867 3899

หรือกรอกข้อมูลบนหน้าเว็บไซต์ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับ
ศรีกรุงโบรคเกอร์ เราพร้อมให้บริการคุณ