ประสบการณ์การโดนล้วงกระเป๋าที่ต่างแดน บัตรโดนรูดนับแสน ประกันเดินทางเคลมได้จริงไหม?
24 กรกฎาคม 2025
5014
ประเทศฟินแลนด์ขึ้นชื่อเป็นประเทศที่มีความสุขที่สุดในโลก แต่ใครจะคิดว่าเราจะโดนล้วงกระเป๋าที่ประเทศนี้ เรื่องราวต่อไปนี้เป็นประสบการณ์ตรงที่อยากจะมาแชร์เพื่อ…………..(ให้ผู้อ่านได้เติมกันเอง ^^)
ไปฟินแลนด์ไม่ฟินเลย เมื่อโดนล้วงกระเป๋ากลางโบสถ์
อยากเที่ยวแบบติดแกลมกลายเป็นติดกรรม เราโดนล้วงกระเป๋าในโบสถ์ที่คนไม่เยอะ มีนักท่องเที่ยวรวมคณะทัวร์เราไม่เกิน 50 คน เมื่อคนไม่เยอะและบวกกับประเทศนี้ก็ไม่ได้มีชื่อเสียงเรื่องมิจจี้ เราก็ถ่ายรูปและเมาส์กันกับเพื่อน ๆ แบบชิล ๆ พอเคลื่อนตัวกันออกมาหน้าโบสถ์เพื่อถ่ายรูปรวมเป็นที่ระลึก เรื่องราวจึงเริ่มต้นขึ้น
เราได้รับ SMS ทางมือถือหลายข้อความติด ๆ กัน รวมถึงน้องสาวไลน์มาถามเรื่องการใช้บัตรเครดิต ซึ่งตอนนั้นก็งงว่าทำไม มีทั้ง SMS และไลน์มาเรื่องใช้บัตรเครดิตทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้ใช้บัตรอะไรเลย
จึงค้นหากระเป๋า OMG! กระเป๋าเงินเราหายไปแล้ว ทั้งที่ใช้เวลาในโบสถ์ไม่เกิน 15 นาที
บัตรเครดิตถูกขโมย ไม่ถึง 1 นาที โดนรูดไปเกือบ 500,000 บาท ในพริบตา
ในกระเป๋าที่โดนล้วงไปเรามีบัตรเครดิต 2 ใบ
- ใบแรก มิจจี้รูดไป 3 ยอดติดกันในเวลาไม่ถึง 1 นาที
- ใบที่สอง รูดไปยอดแรก ธนาคารโทรมาคอนเฟิร์มว่า “จะให้ปล่อยวงเงินไหม” ซึ่งเราก็ตอบว่า “ไม่อนุมัติ” เรื่องก็จบไป
ตอนเห็น SMS ยอด 18,000 22,000 และ 23,000 RON เราก็สงสัยว่าทำไมรูดหลายยอดจัง แล้วธนาคารคงเห็นความผิดปกติเลยไม่ได้รูดต่อ ที่ไหนได้พอเริ่มมีสติในการจัดการเรื่องต่าง ๆ ก็เริ่มติดต่อธนาคารให้ระงับเรื่องการจ่ายเงินของ 3 ยอดที่เราไม่ได้รูด เพราะว่าเราโดนขโมยกระเป๋า ธนาคารก็ตอบว่า “ทำไม่ได้ เงินตัดไปแล้ว” ทีนี้ก็เลยเป็นเรื่องราวที่เราอยากมาเล่าให้ฟัง
“ทำไมมิจฉาชีพถึงรูดได้ 3 ยอดติดกัน แต่ธนาคารไม่ได้ป้องกัน”
ธนาคารตอบกลับมาว่า “ไม่ใช่ป้องกัน แต่เพราะว่าวงเงินเต็มแล้ว” เรานี่ใจหายไปเลย จากที่คิดว่าไม่เท่าไหร่ ไม่กี่หมื่น ต้องตั้งสติใหม่ เพราะไม่กี่หมื่น RON นั้นคือประมาณ 500,000 บาท ซึ่งเราก็ช็อกไปเลยค่า
เราแจ้งธนาคารว่า “อีกธนาคารหนึ่งเค้าเห็นผิดปกติ เลยโทรมาถามว่าให้ปล่อยวงเงินมั้ย พอเราไม่ปล่อย มิจจี้ก็เอาเงินไปไม่ได้”
ทีนี้ถามกระบวนการต่อ “เราต้องทำอะไรบ้าง” ซึ่งเราเข้าใจว่าปกติร้านค้าจะไม่ได้เงิน ถ้าเจ้าของเงินไม่ยินยอมเรื่องการรูดบัตรเครดิต แต่ธนาคารกลับตอบแบบทำเรางงว่า “ทำไม่ได้”
พีคไปกว่านั้น…แจ้งความก็ไม่ง่าย ชีวิตติดดราม่าเพิ่มอีก
เราไปแจ้งความเพื่อเป็นหลักฐาน ซึ่งถ้าไม่มีใบแจ้งความคิดว่าเรื่องคงจบยากกว่านี้แน่ ๆ
- วันที่ 1: บอกไกด์ว่าช่วยพาไปแจ้งความที วันที่เราโดนล้วงกระเป๋าเป็นเวลา 20.00 น. ไกด์บอกว่า “สถานีตำรวจปิดแล้ว ค่อยไปพรุ่งนี้” เราก็โอเค
- วันที่ 2: เรากำลังจะไปแต่ไกด์บอก “เช็กเวลาผิด สถานีตำรวจปิด 16.30 น.” แต่ตอนนั้นเวลา 16.00 น. แล้ว ไกด์คิดว่าไปไม่ทัน เราก็สตันไปเหมือนกัน แต่ก็เสี่ยงไปเผื่อยังมีใครพอรับเรื่องให้
พอไปถึงคือเลย 16.30 น. เห็นแต่คนทยอยเดินออกจากสถานีตำรวจและเห็นป้ายที่แจ้งวันเวลาทำการ เมื่อลองถามเจ้าหน้าที่เค้าบอกว่า “เค้ามีตำรวจไว้ดูแลเคสหนัก ๆ แต่เคสแบบเราที่โดนล้วงกระเป๋าต้องมาเวลาทำการเท่านั้น”
- วันที่ 3: รอบนี้เลือกมาเวลาที่สถานีตำรวจเปิดเลย เพราะว่ากังวลเรื่องอื่น ๆ เหมือนรู้สึกดวงกุดยังไงไม่รู้เลยต้องเผื่อเวลาไว้
เมื่อมาถึงก็ได้คิวแรก สถานีเปิด 8 โมงเช้า เจ้าหน้าที่ทำเรื่องเอกสารให้ ใช้เวลาเกือบชั่วโมงเหมือนกัน เพราะเค้าจะถามว่า “ทำกระเป๋าหายได้ยังไง และในกระเป๋ามีอะไรอยู่ในนั้นบ้าง เงินสดมีเท่าไหร่ มีบัตรอะไร รวมถึงเอกสารเลขบัตรประชาชน บัตรขับขี่ และหน้าพาสปอร์ต”
ซึ่งถ้าเราไม่ได้เตรียมข้อมูลให้ครบก็จะใช้เวลานานกว่านี้อีก
ไม่ได้อยากมีเพื่อนบนโรงพัก วันนั้นสถานีตำรวจเงียบแต่เรื่องราวทุกคนคือระทึก
ระหว่างรอเจ้าหน้าที่ทำเรื่องเอกสารให้ ก็เจอผู้เสียหายคนอื่นอีก ซึ่งเราแปลกใจมาก นี่เรามาฟินแลนด์ประเทศที่ไม่คิดว่าจะมีมิจจี้เยอะขนาดนี้ เคสเราที่เพิ่งโดนล้วงกระเป๋ามาดูธรรมดาไปเลย เพราะของผู้เสียหายอีกคนเค้าโดนล้วงพาสปอร์ตและกระเป๋าเงิน ทำให้เค้าขึ้นเครื่องกลับบ้านไม่ได้ต้องมาแจ้งความและออกเอกสารเพื่อทำพาสปอร์ตชั่วคราวถึงจะบินกลับประเทศได้
เรียกได้ว่า “จากนักท่องเที่ยวสู่ผู้ประสบภัยที่แท้จริง”
กลับถึงเมืองไทย ติดต่อบัตรเครดิตเพื่อส่งหลักฐานต่าง ๆ ว่าเราไม่ได้เป็นคนรูดยอดนี้จริง ๆ ทางธนาคารบอกว่า “ต้องตรวจสอบซึ่งใช้เวลาเป็นเดือน ให้เราจ่ายค่าบัตรไปก่อนได้มั้ย” เราก็งงไปอีกว่าถ้าจ่ายไปแล้วจะยังไงต่อ แล้วยอดก็ไม่ได้น้อย ๆ เลยตัดสินใจจ่ายเฉพาะยอดที่เราใช้ ส่วนยอดที่มิจจี้ใช้เราไม่ได้จ่ายและแจ้งเค้าว่า
“เราจะไม่จ่ายเพราะเราไม่ได้รูดเอง และเราก็แจ้งภายใน 30 นาทีที่เราโดนรูด ว่ายอดนี้เราไม่ได้ใช้นะ ถ้าธนาคารยังจ่ายเงินยอดนี้ไปให้ร้านค้าเราจะไม่รับผิดชอบนะ”
ทำเรื่องกับธนาคารตั้งแต่ปลายเดือน 1 จนกว่าเรื่องจะจบก็เดือน 4
- ท้อเหมือนกัน ว่าทำไมกระบวนการต่าง ๆ มันช้า และเราได้ใบแจ้งค่าใช้จ่ายจากธนาคารยอดที่มิจจี้รูดและบวกดอกเบี้ยเพิ่มไปทุกเดือน
- จนสุดท้ายธนาคารแจ้งว่า “ตามเรื่องจนจบแล้ว เอายอดที่มิจจี้รูดออกจากใบแจ้งหนี้ให้แล้ว” เราก็โล่งไป แต่ ๆ ๆ ๆ ใบแจ้งหนี้รอบล่าสุดที่มา คือมียอดติดลบที่ยอดมิจจี้รูดออกไปแล้ว และยอดดอกเบี้ยยังคงอยู่ เราเลยโทรถามธนาคารอีกครั้ง ธนาคารก็แจ้งว่า “กำลังดำเนินการให้ ให้รอดูใบวางบิลอีกที” รวมแล้วใช้เวลาประมาณ 3 – 4 เดือนกว่าจะจบ
- ระหว่างทำเรื่องกับธนาคารนี้เราปิดบัตรทุกอย่างกับที่นี่ และยังไม่กล้าเปิดใช้ใหม่ เพราะกังวลเรื่องมาตรการของธนาคารที่แตกต่างจากอีกหลาย ๆ แห่ง ที่แก้ปัญหาได้ทันที เมื่อรู้ว่าสกุลเงินที่รูดมันแปลก มีการป้องกันการรูดยอดแปลก ๆ ให้ และไม่ต้องตามแก้ปัญหา
ประกันเดินทางช่วยได้แค่ไหน
การเดินทางไปครั้งนี้เราทำประกันเดินทางไปด้วย ซึ่งมีวงเงินความคุ้มครองเรื่องกระเป๋าเงินโดนล้วง แต่ ๆ ๆ ๆ ๆ วงเงินที่มีมันน้อยจริง ๆ (เพิ่งรู้เหมือนกันว่าไม่เยอะ) ก็ต้องเอาใบแจ้งความไปยื่นเคลม ซึ่งในเคสนี้เราได้ค่าเคลมประกันเดินทางประมาณ 2,000 บาท
เอกสารจากทางตำรวจที่ฟินแลนด์ออกให้นำไปยื่นเคลมประกันเดินทาง
ตัวอย่างความคุ้มครองประกันเดินทาง
วิธีการเคลมประกันเดินทางทำตามขั้นตอนนี้ได้เลย
- กรอกเคลมฟอร์มการเรียกร้องค่าสินไหมประกันเดินทางของบริษัทที่เราซื้อไว้
- กรอกข้อมูลใน แบบเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนประกันภัยการเดินทางและอุบัติเหตุส่วนบุคคล
- เตรียมเอกสารต่าง ๆ
- ตั๋วเครื่องบิน
- สำเนาพาสปอร์ต
- สำเนาบุ๊กแบงก์
- บันทึกประจำวันตำรวจ
- ส่งเคลมประกันเดินทางผ่านทางอีเมล์
เมื่อทางบริษัทประกันอนุมัติเรื่องเคลมประกันเดินทาง
- จะส่ง SMS มาแจ้งให้เราทราบว่า เค้าได้โอนเงินค่าสินไหมทดแทนให้แล้ว วันที่เท่าไหร่ ที่เลขบัญชีไหน และหากเราไม่ได้รับเงินจำนวนดังกล่าวก็ต้องรีบแจ้งกลับที่บริษัทประกันตามเบอร์ที่เค้าให้ไว้ใน SMS
- ซึ่งปกติถ้าไม่ติดอะไร รอไม่เกิน 7 วัน แต่ถ้าติดทางเจ้าหน้าที่จะขอเอกสารเพิ่มเติม และโอนค่าสินไหมทดแทนมาอีกครั้ง
- ถ้าดูจากข้อความในรูปที่เราได้รับ SMS จากที่แจ้งเคลมประกันเดินทางไป จะได้รับค่าสินไหมทดแทนอันแรกก่อน 10,000 บาท (เคลมกระเป๋าเดินทางล่าช้า) แล้วพอถัดมาอีก 9 วัน ถึงได้ค่าสินไหมทดแทนจากการสูญหายของทรัพย์สินจากการล้วงกระเป๋าอีกหัวข้อหนึ่ง เป็นเงิน 2,000 บาท
บทเรียนจากประสบการณ์จริง… ประกันเดินทางนั้นสำคัญมาก
- สกุลเงินที่โดนรูดไป RON คือ สกุลเงินประเทศโรมาเนีย แต่เราเที่ยวอยู่ฟินแลนด์ พอเราเจอเรื่องนี้ ต่อไปควรแจ้งธนาคารก่อนเดินทาง ป้องกันการรูดจากประเทศที่ไม่ได้ไป
- โชคดีที่ทริปนี้ทำประกันเดินทางไว้…ทำให้ยังพอได้รับความช่วยเหลือและเงินชดเชยบางส่วน แม้จะไม่ครอบคลุมความเสียหายทั้งหมด แต่ก็ช่วยบรรเทาความรู้สึกแย่ ๆ ลงได้บ้าง การมีประกันเดินทางอย่างน้อยก็ทำให้รู้สึกว่าเราไม่ได้ต้องสู้กับปัญหานี้คนเดียว
- ความเร็วในการจัดการกับเหตุการณ์ ต้องรีบติดต่อธนาคารเพื่ออายัดบัตรและปฏิเสธการชำระเงินให้ทันท่วงที ถ้าช้าอาจต้องรับผิดชอบยอดที่ไม่ได้ก่อขึ้นเอง
- รีบแจ้งความเพื่อขอเอกสารเป็นหลักฐานเตรียมไว้สำหรับการเคลมประกันเดินทาง
- แจ้งความต่างประเทศไม่ง่าย ต้องเช็กเวลาทำการให้เป๊ะ และเตรียมข้อมูลให้ครบ จะช่วยให้เรื่องไม่ยืดเยื้อ
สุดท้ายแม้จะป้องกันตัวเองและเตรียมพร้อมรับมือแล้ว ยังไงก็ควรมีประกันเดินทางเพื่อให้เราอุ่นใจ คือสิ่งที่ช่วยบรรเทาความเสียหายได้ดีที่สุด ใครที่กำลังวางแผนไปเที่ยวต่างประเทศ อยากแนะนำจากใจเลยว่าอย่าละเลยการทำประกันเดินทาง เพราะเราไม่มีทางรู้หรอกว่าเหตุการณ์ไม่คาดฝันจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่
ถ้าไม่รู้จะเริ่มยังไง ลองปรึกษา ศรีกรุงโบรคเกอร์ ดูนะ เราเองก็เลือกที่นี่ เพราะเขามีหลายแผนให้เลือกตามงบประมาณ และให้คำแนะนำดีมาก
ทุกเรื่องประกันภัย สอบถามเรา
ติดต่อโดยตรงได้ที่ สาขาศรีกรุงโบรคเกอร์ ใกล้บ้านท่าน
หรือส่งข้อความทาง Line: @srikrung
ติดต่อผ่าน Facebook: facebook.com/srikrungbroker/
โทรคุยกับ Call Center: 02 867 3899
หรือกรอกข้อมูลบนหน้าเว็บไซต์ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับ
ศรีกรุงโบรคเกอร์ เราพร้อมให้บริการคุณ
- บทความประกันภัย
- ประกันเดินทางต่างประเทศ
- ประกันเดินทางเคลมได้จริงไหม
- ประสบการณ์โดนขโมยต่างประเทศ
- ล้วงกระเป๋าต่างประเทศ
- วิธีเคลมประกันเดินทาง
- เคลมทรัพย์สินสูญหาย
- เคลมประกันเดินทาง
- แจ้งความต่างประเทศ
- โดนขโมยบัตรเครดิตต่างประเทศ
- โดนรูดบัตรเครดิตต่างแดน