กลุ่มรถยนต์ไฟฟ้า (EV) แบ่งเป็นกี่ประเภท ในการพิจารณารับประกันภัย?
19 กุมภาพันธ์ 2025
5199
โดยทั่วไปแล้ว รถยนต์ไฟฟ้า (EV) จะถูกจัดกลุ่มตาม ราคา เนื่องจากราคาของรถจะส่งผลต่อ ค่าเบี้ยประกันภัย ค่าอะไหล่ ค่าซ่อม รวมไปถึง เทคโนโลยีภายในรถ โดยรถที่มีราคาสูงมักมีต้นทุนการซ่อมที่แพงกว่ารถราคาต่ำ การจัดกลุ่มนี้จึงช่วยให้ บริษัทประกันภัยสามารถวิเคราะห์ต้นทุนกำหนดเบี้ยประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้าได้แม่นยำขึ้นและผู้ซื้อสามารถเปรียบเทียบในการเลือกซื้อประกันภัยได้ง่ายขึ้น
การจัดกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ตามราคา มีดังนี้
กลุ่มที่ 1 |
มากกว่า 5,000,000 บาท |
Porsche Taycan, BMW i7, Mercedes-Benz EQS |
รถยนต์ไฟฟ้าระดับพรีเมียม-ลักชัวรี ค่าซ่อมแพง เทคโนโลยีล้ำสมัย |
กลุ่มที่ 2 |
3,000,000 – 5,000,000 บาท |
Tesla Model S, BMW iX, Mercedes-Benz EQE |
กลุ่มที่ 3 |
2,000,000 – 3,000,000 บาท |
BMW i4, Lexus RZ, Kia EV9 |
รถยนต์ไฟฟ้าระดับกลาง-พรีเมียม เน้นสมรรถนะและระยะทางที่ไกลขึ้น |
กลุ่มที่ 4 |
1,000,000 – 2,000,000 บาท |
BYD Seal, Tesla Model Y, Hyundai IONIQ 5 |
รถยนต์ไฟฟ้าระดับกลางถึงบน ที่เริ่มเข้าถึงได้มากขึ้น |
กลุ่มที่ 5 |
ไม่เกิน 1,000,000 บาท |
BYD Dolphin, ORA Good Cat, MG4 |
รถยนต์ไฟฟ้าราคาเอื้อมถึง เหมาะกับตลาดทั่วไป
|
หมายเหตุ : ราคารถอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามปัจจัยต่างๆ เช่น สภาวะตลาด ช่วงเวลา และนโยบายของผู้จำหน่าย ทั้งนี้ ราคาที่แสดงเป็นไปตามราคาตลาดปัจจุบัน กรุณาตรวจสอบข้อมูลล่าสุดก่อนตัดสินใจซื้อ
ตัวอย่างเบี้ยประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ชั้น 1 ในแต่ละกลุ่มตามช่วงราคา
กลุ่มที่ 1: ราคามากกว่า 5,000,000 บาท
เบี้ยประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้าชั้น 1: ประมาณ 50,XXX ขึ้นไปต่อปี
กลุ่มที่ 2: ราคา 3,000,000 – 5,000,000 บาท
เบี้ยประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้าชั้น 1: ประมาณ 40,XXX ขึ้นไปต่อปี
กลุ่มที่ 3: ราคา 2,000,000 – 3,000,000 บาท
เบี้ยประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้าชั้น 1: ประมาณ 30,XXX ขึ้นไปต่อปี
กลุ่มที่ 4: ราคา 1,000,000 – 2,000,000 บาท
เบี้ยประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้าชั้น 1: ประมาณ 20,XXX ขึ้นไปต่อปี
กลุ่มที่ 5: ราคาไม่เกิน 1,000,000 บาท
เบี้ยประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้าชั้น 1: ประมาณ 18,XXX ขึ้นไปต่อปี
หมายเหตุ:
- เบี้ยประกันภัยที่ระบุเป็นการประมาณการและอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับบริษัทประกันภัย เงื่อนไขความคุ้มครอง และปัจจัยอื่น ๆ เช่น อายุผู้ขับขี่ ประวัติการขับขี่
- สำหรับรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่หรือรุ่นที่มีราคาสูง เบี้ยประกันภัยอาจสูงกว่าที่ระบุไว้
- ข้อมูลนี้อ้างอิงจากแหล่งข้อมูลที่มีอยู่ในปัจจุบัน และอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ในอนาคต
การเลือกประกันภัยที่เหมาะสมกับรถยนต์ไฟฟ้าของคุณ ควรพิจารณาจากความคุ้มครองที่ต้องการ งบประมาณ และความน่าเชื่อถือของบริษัทประกันภัย เพื่อให้ได้รับความคุ้มครองที่ดีที่สุดสำหรับการขับขี่ของคุณ
ทำไมรถยนต์ไฟฟ้าต้องมีประกันภัย?
- ปกป้องค่าใช้จ่ายกรณีเกิดอุบัติเหตุ
- คุ้มครองค่าอะไหล่และแบตเตอรี่ที่มีราคาสูง
- ลดภาระทางการเงินจากเหตุการณ์ไม่คาดคิด
- มั่นใจในการใช้รถที่เทคโนโลยีใหม่กว่า
ยิ่งรถราคาแพง ค่าเบี้ยประกันก็ยิ่งสูงตาม เนื่องจาก มูลค่ารถที่มีความผันผวน อะไหล่แต่ละชิ้นจะเป็นอะไหล่ชิ้นใหญ่ ค่าซ่อม และเทคโนโลยีที่เป็นแบบสมัยใหม่ ดังนั้นควรเลือกประกันให้เหมาะสมกับงบประมาณและการใช้งาน
บทความโดย นางสาว กนกลดา ยอดผะกา
ผู้จัดการ บริษัท ศรีกรุงโบรคเกอร์ จำกัด